วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

แมส (Mass)

แมส (Mass) 

คือ บทเพลงสวดของชาวโรมันแคธอลิค มีพิธีสวดเรียกว่า พิธีแมส หรือ พิธีมิสซา เป็นพิธีสวดมนต์ในพิธีถวายมหาบูชาแก่พระผู้เป็นเจ้า ตลอดจนรวมไปถึงการเทศน์ของบาทหลวงด้วย มีบทสวดต่าง ๆ ตามแต่บาทหลวงจะเป็นผู้กำหนดเป็นภาษาละติน ปัจจุบันแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ที่ใช้กันทั่วโลก บทสวดเหล่านี้ถูกนำมาใส่ทำนองที่แต่งขึ้นลึกซึ้งพิสดารออกไปทุกที เพื่อแสดงความเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดความสามารถของคีตกวี บทสวดในพิธีแมสหรือมิสซา จึงกลายเป็นชื่อ เพลงแมส หรือ เพลงมิสซา ไปเพราะฉะนั้นเพลงแมส ก็คือ เพลงขับร้องประสานเสียงชั้นสูง ที่คีตกวีแต่งทำนองร้องประสานเสียง โดยมีเนื้อร้องเป็นบทสวดภาษาละติน 5 บทด้วยกัน โดยเริ่มจากบท Kyrie “Lord have mercy”, Gloria, Credo, Sanctus, และ Agnus Dei เป็นต้นไป ในบางตอนของเพลงแมสจะมีการขับร้องเดี่ยว หรือเดี่ยวประกอบการประสานเสียงเพลงมิสซา มี 3 ประเภท คือ (ดนัย ลิมปดนัย,2522 :75)

   Missa Brevisเป็นบทสวดประสานเสียงสั้น ๆ ทีมักจะสวดกันเพียง 2 บท คือ บท Kyrie และ Gloria
   Missa Solemins เป็นเพลงแมสที่ยาวที่สุด ประกอบด้วยเพลงย่อย ๆ หลาย ๆ เพลง ใช้ในงานที่เป็นพิธีรีตรองสำคัญ ๆ เช่น เพลง Mass in D, Op. 123 ของ Beethoven
  Missa Prodefunctus (Requiem) หรือ the Mass for the Dead มักเรียก Missa Requiem เรควิเอียม (Requiem Mass) คือ เพลงสวดสำหรับงานศพ เรียกว่าแมสแห่งความตาย เพื่อสวดอ้อนวอนพระเจ้าให้มารับดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ โดยทั่วไปคีตกวีจะทุ่มเทแรงใจแรงกายแต่งเรควิเอียมขึ้นเพื่อไว้อาลัยใคร อาจจะเป็นบุคคลผู้เป็นที่รักยิ่ง บุคคลที่ตนเคารพนับถือ เมื่อสิ้นชีวิตลงคีตกวีผู้มีความผูกพันกันก็จะแต่งเรควิเอียมขึ้นอย่างเต็มความสามารถ เพื่อแสดงถึงความระลึกถึง ความผูกพัน ความรักอาลัย ที่คีตกวีมีต่อผู้ตาย เนื้อหาโดยปกติประกอบไปด้วยท่อนต่าง ๆ ดังนี้ Introit, Kyrie, Gradual, Tract, Dies Irae, Offertory, Sanctus, Agnus Dei และ Communion
ไม่ว่าจะเป็นเพลงสวดธรรมดา หรือเพลงสวดในงานศพ จัดได้ว่าเป็นเพลงขนาดใหญ่ต้องการความสามารถในการประพันธ์เป็นอย่างมาก เพลงประเภทนี้จึงมีความยาวมากมีหลายท่อน การร้องมีทั้งร้องเดี่ยว ร้องผสมวง และการร้องแบบประสานเสียงวงใหญ่รวมทั้งวงออร์เคสตรา คีตกวีแต่ละคนที่ประพันธ์เพลงเหล่านี้ จึงมักใช้เวลาในช่วงที่ตนมีความชำนาญมากแล้วหรือในช่วงมีอายุแล้วประพันธ์เพลงเหล่านี้ ซึ่งนอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้วยังถือเป็นเพลงชั้นสูงถ้าไม่แน่ใจ หรือไม่ตั้งใจจริงแล้ว ผู้ประพันธ์เพลงจะไม่คิดประพันธ์เพลงประเภทนี้ โมซาร์ทซึ่งจัดเป็นผู้ประพันธ์เพลงอัจฉริยะผู้หนึ่ง ประพันธ์เพลงแมสธรรมดา ไว้สองเพลง และประพันธ์เรควิเอียมไว้ 1 เพลง แต่ตอนท้ายประพันธ์ไม่จบเสียชีวิตเสียก่อน ลูกศิษย์ผู้หนึ่งคือ ซูสไมเออร์ประพันธ์ต่อจนจบตามโครงสร้างที่โมทซาร์ทได้วางไว้
แมสจึงจัดเป็นเพลงที่ต้องใช้ความสามารถในการประพันธ์มาก การแสดงเพลงประเภทนี้ก็ต้องการการเตรียมตัวอย่างมากทั้งผู้ร้องและวงออร์เคสตรา รวมทั้งผู้จัดการแสดง ดังนั้นเมื่อมีการแสดงเพลงประเภทนี้เมื่อใด ผู้ฟังมักจะตื่นเต้นและตั้งใจไปฟังเสมอ ซึ่งก็ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีการแสดงเพลงประเภทนี้





อ้างอิง จาก หนังสือประวัติดนตรีตะวันตกโดยสังเขป ของ ประสิทธ์  เลียวสิริพงศ์
                  และ http://www.student.chula.ac.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น