เดอะบีทเทิลส์ (The Beatles) หรือวงสี่เต่าทอง เป็นวงร็อกแอนด์โรลจากเมืองลิเวอร์พูล ประกอบด้วยสมาชิก จอห์น เลนนอน, พอล แม็คคาร์ตนีย์,จอร์จ แฮรริสัน และ ริงโก สตารร์ รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงปี 1963-1969 เป็นวงที่ถือสถิติเพลงอันดับ 1 มากที่สุดทั้งในอังกฤษและอเมริกา (ในอังกฤษ 17 ซิงเกิ้ลในอเมริกา 20 ซิงเกิ้ล) ส่วนอัลบั้ม วงเดอะบีทเทิลส์ ถือเป็นวงดนตรีที่ขายดีที่สุดในโลก คือขายไปมากกว่า 480,000,000 ก๊อบปี้ แล้ว ราว 166 ล้าน เป็นยอดขายเฉพาะในอเมริกา
ในยุคต้นของพวกเขา มีเพลงดังอย่าง She Loves You, Twist And Shout, I Want To Hold Your Hand, Please Please Me ในยุคที่ 2 ในชุด Help, Rubber Soul หรือ Revolver และผลงานอยู่ในช่วงพีคสุดอย่าง Sgt.Pepper Lonely Heart Club Band, Magical Mystery Tour และ White Album ก่อนที่จะ จบลงด้วย 2 อัลบั้มสุดท้ายอย่าง Let It Be และ Abbey Road
บุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายหรือสารเคมีที่ทำให้ผลงานอันยอดเยี่ยมที่กล่าวมานี้สมบูรณ์แบบเป็นอมตะ ต้องยกให้กับโปรดิวเซอร์ของวงอย่าง จอร์จ มาร์ติน ผู้ที่อยู่เคียงข้างเหล่าสี่เต่าทองตั้งแต่เริ่มเรียนรู้วิธีการเขียนเพลงและการทำงานให้ห้องบันทึกเสียง จนสมาชิกในวงกลายเป็นนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ของโลกกันหมด
ประวัติการตั้งวง
จอห์น เลนนอน นักร้องและนักกีตาร์วัย 16 ได้ก่อตั้งกลุ่มดนตรีแนวสกิฟเฟิล (Skiffle—ดนตรีป็อปอังกฤษในทศวรรษที่ 50) ชื่อ เดอะควอร์รีเมน (The Quarrymen) ร่วมกับเพื่อนนักเรียนในเมืองลิเวอร์พูลเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1957 จากนั้นได้ชวนพอล แม็คคาร์ตนีย์วัย 15 เข้าร่วมกลุ่มด้วยในตำแหน่งมือกีตาร์ หลังจากที่เขาได้พบกับเลนนอนเมื่อเดือนกรกฎาคม แม็คคาร์ตนีย์ชวนจอร์จ แฮร์ริสัน วัย 14 มาดูการแสดงของกลุ่มในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา แล้วจอร์จก็เข้าร่วมกลุ่มในตำแหน่งกีตาร์นำ ในปี ค.ศ. 1960
ไบรอันจัดการเปลี่ยนรูปลักษ์เดอะ บีทเทิลส์จากเสื้อหนัง บลูยีนส์ฟิตเปรี๊ยเป็นสูทปิแอร์ การ์แดง ตัดผมทุกคนเป็นทรงบ็อบเหมือนกัน จอห์นกับพอลก็จับมือกันเขียนเพลง และออกซิงเกิลแรกในวันที่ 5 ตุลาคม 1961 "Love Me do / P.S. I Love You” กลายเป็นซิงเกิลฮิตติดท็อป เทวนตีของอังกฤษแผ่นแรกในอังกฤษ ต้นปีต่อมาก็ออกซิงเกิล "Please Please Me” ขึ้นถึงอันดับที่ 2 ก่อนที่ซิงเกิลที่ 3 คือ "From Me To You” จะขึ้นอันดับหนึ่งได้สำเร็จ ส่งผลให้เดอะ บีทเทิลดังเป็นพลุแตกไปทั่วเกาะอังกฤษ กระแส “บีทเทิลมาเนีย” ก็เริ่มต้นนับแต่นั้น จากนั้นไบรอันก็พาเดอะ บีทเทิลไปโด่งดังในอเมริกาด้วยซิงเกิลแรก "I Want To Hold Your Hand” ซึ่งขึ้นอันดับหนึ่งเขี่ยเพลงฮิตของเจ้าบ้านทันที จากนั้นเดอะ บีทเทิลก็กลายเป็นวงป็อปอังกฤษที่โด่งดังไปทั่วโลก ต่อมาดนตรีของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วยอิทธิพลของยาเสพติดและแนวคิด "บุปผาชน” หรือ "ฮิปปี” (Hippie) กลายเป็นดนตรี "ไซคีเดลิก” (Psychedelic) และมีกลิ่นอายของดนตรีตะวันออกซึ่งจอร์จนำเข้ามาผสมผสาน นับตั้งแต่อัลบัม "Sgt Pepper’s Lonely Hearts Club Band” เป็นต้นมา
จอห์นและโยโกะ
เมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วเดอะ บีทเทิลส์ก็เข้าสู่ยุคเมื่อ สมาชิกแต่ละคนเริ่มเติบโตค้นพบแนวทางของตนเอง จอห์นหย่ากับซินเธียและคบหาอย่างเปิดเผยกับ โยโกะ โอโน (Yoko Ono) ศิลปินอวองการ์ดชาวญี่ปุ่น จนสมาชิกในวงต่างหมดศรัทธา ในที่สุดเดอะ บีทเทิลก็วงแตกในปี 1970 หลังจากออกอัลบัมสุดท้ายคือ "Let It Be” จอห์นออกมาเป็นศิลปินเดียวและตั้งวงร่วมกับโยโกะชื่อว่า "เดอะ พลาสติก โอโนะ แบนด์” (The Plastic Ono Band) ออกอัลบัมหลายชุด เช่น "Two Virgins” (ซึ่งจอห์นกับโยโกะเปลือยกายเป็นภาพปก), "Imagine” (ซึ่งมีเนื้อหาต่อต้านสงคราม), “Mind Games" และ “Double Fantasy” ในบั้นปลายชีวิตเขาหันมาทำงานศิลปะและเป็นนักรณรงค์ต่อต้านสงครามคนสำคัญ หลังจากออกอัลบัม Double Fantasy ไม่นานจอห์นก็ถูกแฟนเพลงดักยิงเสียชีวิตในวันที่ 8 ธันวาคม 1980
จอร์จ แฮร์ริสัน
จอร์จ แฮริสันแต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับนางแบบ แพตตี บอยด์ ในปี 1966 และเลขาบริษัทค่ายเพลงที่ชื่อ โอลิเวีย ทรินิแดด อาเรียส ในปี 1978 ที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ ดานี แฮร์ริสัน เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปอดเมื่อปี 2001
เซอร์พอล แม็คคาร์ตนีย์
เซอร์พอล แม็คคาร์ตนีย์
ปัจจุบันยังเหลือเต่าทอง พอล แม็คคาร์ตนีย์ และ ริงโก สตารร์ พอลได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นขุนนางในปี 1995 และได้รับรางวัล Gershwin Prize ในฐานะนักร้องนักแต่งเพลง ที่ประสบความสำเร็จมายาวนานถึง 5 ทศวรรษ รางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติและน่าภาคภูมิที่สุดในฐานะนักร้องงานนี้ เซอร์ พอล ไม่พลาดหยิบกีต้าร์มาร้องเพลงดังที่เขาแต่งให้ได้ฟังกันด้วย และในวันที่ 3 มิ.ย 2010 เซอร์ พอล ยังได้รับเกียรติให้แสดงคอนเสิร์ตในทำเนียบขาวต่อหน้าประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามาด้วย
ส่วน ริงโก้แต่งงานครั้งแรกกับ Maureen Cox มีลูกชายด้วยกันสามคนคือ แซค เจสันและลี หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หย่ากันต่อมาไม่นานภรรยาเก่าก็เสียชีวิตลง ไม่นานนักริงโก้ก็พบรักใหม่กับ Barbara Bach นักแสดงสาวที่เจอกันในหนังเรื่อง Caveman แซคลูกชายของริงโก้เจริญตามรอยเท้าพ่อโดยปัจจุบันเป็นมือกลองให้กับวงร็อคที่เป็นตำนานของโลกไปแล้วอย่าง โอเอซิส
อัลบั้มที่จำหน่ายในอังกฤษ
* Please Please Me - วันวางจำหน่าย: 1963-03-22
* With the Beatles - วันวางจำหน่าย: 1963-11-22
* A Hard Day's Night - วันวางจำหน่าย: 1964-07-10
* Beatles for Sale - วันวางจำหน่าย: 1964-12-04
* Help! - วันวางจำหน่าย: 1965-08-06
* Rubber Soul - วันวางจำหน่าย: 1965-12-03
* Revolver - วันวางจำหน่าย: 1966-08-05
* Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band - วันวางจำหน่าย: 1967-06-01
* The Beatles (หรือ "The White Album") - วันวางจำหน่าย: 1968-11-22
* Yellow Submarine - วันวางจำหน่าย: 1969-01-17
* Abbey Road - วันวางจำหน่าย: 1969-09-26
* Let It Be - วันวางจำหน่าย: 1970-05-08 (Box Set) 1970-11-06 (Regular LP)
อัลบั้มที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
* Introducing... The Beatles - วันวางจำหน่าย: 1964-01-06
* Meet the Beatles! - วันวางจำหน่าย: 1964-01-20
* The Beatles' Second Album - วันวางจำหน่าย: 1964-04-10
* A Hard Day's Night {เพลงประกอบภาพยนตร์} - วันวางจำหน่าย: 1964-06-26
* Something New - วันวางจำหน่าย: 1964-07-20
* Beatles '65 - วันวางจำหน่าย: 1964-12-15
* The Early Beatles - วันวางจำหน่าย: 1965-03-22
* Beatles VI - วันวางจำหน่าย: 1965-06-14
* Help! {เพลงประกอบภาพยนตร์} - วันวางจำหน่าย: 1965-08-13
* Rubber Soul - วันวางจำหน่าย: 1965-12-06
* Yesterday and Today {อัลบั้มรวมฮิต} - วันวางจำหน่าย: 1966-06-20
* Revolver - วันวางจำหน่าย: 1966-08-08
* Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band - วันวางจำหน่าย: 1967-06-02
* Magical Mystery Tour {เพลงประกอบภาพยนตร์}
วันวางจำหน่าย: 1967-11-27
* The Beatles - วันวางจำหน่าย: 1968-11-25
* Yellow Submarine - วันวางจำหน่าย: 1969-01-13
* Abbey Road - วันวางจำหน่าย: 1969-10-01
* Let It Be - วันวางจำหน่าย: 1970-05-18
อ้างอิง
http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=News&file=print&sid=2450
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น